ยินดีต้อนรับ นักเดิมพันทั่วไทย

Reykjavik เมืองหลวงของ ประเทศไอซ์แลนด์

หัวใจสีเขียว
, พฤหัส 7 มีนาคม 2024

Reykjavik เมืองหลวงของ ประเทศไอซ์แลนด์ เมืองนี้จะตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ของประเทศ [1] เป็นหนึ่งในเมืองที่ตั้งอยู่ใกล้กับ ขั้วโลกเหนือมากที่สุด ผู้อพยพกลุ่มแรกที่เข้ามาตั้งรกราก ในเมืองแห่งนี้ คือ ชาวนอร์ดิก ซึ่งเข้ามาพักอาศัยที่ เมืองเรคยาวิก ครั้งแรกในปี ค.ศ.870 เมืองเรคยาวิก เปรียบเสมือนกับศูนย์กลางทางการค้า ของคนทั้งประเทศ และยังมีธุรกิจด้านการประมงที่โดดเด่นอีกด้วย

จนเป็นเมืองที่ถูกยกย่อง และ ถูกแต่งตั้งให้เป็นเมืองหลวงของ ประเทศไอซ์แลนด์ เมื่อปี ค.ศ.1786 เมืองแห่งนี้เป็นเมืองหลวงที่มีความสวยงาม และ มีเสน่ห์ไม่แพ้กับเมืองหลวงต่างๆ ในแถบสแกนดิเนเวียเลย เนื่องจากเมืองนี้เป็นเมืองที่เพียบพร้อมไปด้วย ความบริสุทธิ์ทางธรรมชาติ อาคารบ้านเรือนก็มีสีสันที่สดใส คล้ายกับลูกกวาด อีกทั้งยังมีรูปทรงของตัวอาคาร และตัวบ้าน ที่น่ารักอีกด้วย เมืองหลวงแห่งนี้ล้วนเต็มไปด้วยสถาปัตยกรรมทรงคุณค่ามากมาย และยังถูกเรียกว่าเป็น ดินแดนน้ำแข็ง ที่น่าสนใจอีกด้วย

ทำไม Reykjavik ถึงเป็นสถานที่ท่องเที่ยว ที่ควรไป

Reykjavik เป็นเมืองหลวงของ ประเทศไอซ์แลนด์ ที่ค่อนข้างได้รับสนใจ และ ภายในเมืองแห่งนี้มีประชากรอยู่เพียงแค่ 215,000 คน เรียกได้ว่าเป็นเมืองที่เงียบ สงบ และแปลกตา เมืองแห่งนี้ล้วนเต็มไปด้วยประวัติศาสตร์ และงานศิลปะมากมาย เป็นดินแดนแห่งน้ำแข็ง ที่เต็มไปด้วยธรรมชาติอันสวยงาม มีสภาพแวดล้อมที่จะทำให้คุณต้องหลงใหล ไม่ว่าจะเดินตามถนน หรือ เที่ยวชมสถานที่ต่างๆ ภายในเมือง

5 สถานที่น่าเที่ยวใน เมืองเรคยาวิค ที่คุณไม่ควรพลาด

นอกจากเมืองแห่งนี้จะมีความเงียบ สงบ และ เป็นเมืองที่สวยงามแล้ว ภายในเมืองยังมีสถานที่น่าเที่ยวอีกมากมาย ที่จะทำให้คุณต้องหลงใหล เดินทางไปก็ง่าย จะมีสถานที่ไหนบ้างนั้น เรามาดูไปพร้อมๆ กันได้เลย

Hallgrímskirkja เป็นโบสถ์คริสต์นิกายลูเธอรัน เป็นอีกหนึ่งแลนด์มาร์คที่สำคัญของ เมืองเรคยาวิก เราจะสามารถมองเห็นโบสถ์แห่งนี้ ได้จากทุกที่ของเมืองเรคยาวิค ตัวโบสถ์จะมีความสูงอยู่ที่ 74.5 เมตร ซึ่งเป็นสถานที่ ที่สูงเป็นอันดับ 4 ในประเทศไอซ์แลนซ์ เป็นหนึ่งในสถานที่ที่ใช้เวลาในการก่อสร้างนานมาก ซึ่งหากรวมเวลาการก่อสร้างทั้งหมดก็อยู่ที่ 38 ปี นับตั้งแต่ปี ค.ศ. 1945 จนถึงปี ค.ศ. 1986
Leifur Eiríksson อนุสาวรีย์ของเลฟร์ อีริกสัน สถานที่แห่งนี้จะมีรูปปั้นของนักเดินทางคนสำคัญอยู่ ตัวรูปปั้นจะยืนตะหง่าน สวมหมวก มีผ้าคลุม และถือขวานขนาดใหญ่ ในมืออีกข้างจะถือหนังสือไว้อยู่แนบอก เขาเป็นชาวนอร์สยุโรปคนแรกจากประเทศไอซ์แลนด์ ที่เดินทางไปพบกรีนแลนด์ และอเมริกาเหนือ การเดินทางของเขาเรียกได้ว่าเป็นการเดินทางครั้งสำคัญ ที่ทำให้ชื่อของชาวไอซ์แลนด์ ถูกจารึกไว้ในประวัติศาสตร์โลก
Harpa หนึ่งในอาคารที่มีรูปทรงทันสมัย และมีพื้นที่กว้างมากกว่า 301,000 ตารางฟุต และที่สำคัญยังเป็นสถานที่ ที่ได้รับรางวัล Mies van der Rohe Award 2013 อีกด้วย อาคารแห่งนี้เป็นอีกหนึ่งแลนด์มาร์คขนาดใหญ่ของ เมืองเรคยาวิก นักท่องเที่ยวมากมายต่างแวะมาเยี่ยมชมอยู่อย่างไม่ขาดสาย ตัวอาคารจะถูกตกแต่งไปด้วยกระจกทั้ง 6 ด้าน เมื่อไหร่ก็ตามที่แสงของพระอาทิตย์ส่องมา กระจกก็จะสะท้อนเป็นประกายระยิบระยับ สวยงามมากเลยทีเดียว
Reykjavik Whale Watching เป็นกิจกรรมเรือชมวาฬ ที่จะพาท่านล่องเรือไปชมวาฬแบบใกล้ชิด นักท่องเที่ยวจะมีโอกาสได้พบกับนกทะเลชนิดต่างๆ รวมไปถึงวาฬนานาสายพันธุ์ด้วย ไม่ว่าจะเป็น วาฬมองก์ วาฬเพชฌฆาต หรือ วาฬหลังค่อม เป็นต้น
Árbær พิพิธภัณฑ์กลางแจ้งของ เมืองเรคยาวิก สถานที่แห่งนี้จะมีเหล่าบรรดาพ่อค้า แม่ค้า อยู่มากมาย เป็นการขายของแบบดั้งเดิม และมีบ้านเรือนแบบโบราณให้ทุกท่านได้รับชม พิพิธภัณฑ์แห่งนี้จะทำให้ท่านเห็นถึงความลำบาก และวิถีชีวิตของชาวไอซ์แลนด์ในสมัยก่อนด้วย

ที่มา : สิ่งที่ไม่ควรพลาดเมื่อไปเที่ยวเมืองเรคยาวิก [1]

รีวิวเมือง Reykjavik

Reykjavik ถือเป็นอีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยว ที่น่าสนใจ อีกทั้งยังสามารถไปเที่ยวได้ในทุกฤดูกาล เป็นเมืองหลวงที่ตั้งอยู่ใกล้กับขั้วโลกเหนือมากที่สุดด้วย ภายในเมืองจะมีสถานที่เที่ยวอีกมากมายให้ท่านลองไป และยังมีกิจกรรมให้ได้ทำร่วมกับคนในครอบครัวอีกด้วย เปิดประสบการณ์ใหม่ๆ ด้วยการล่องเรือชมวาฬนานาชนิด สัมผัสกับธรรมชาติของเมืองหลวงเล็กๆ ที่เต็มไปด้วยความสวยงาม

สรุป Reykjavik

Reykjavik เมืองหลวงของประเทศไอซ์แลนด์ ที่เต็มไปด้วยธรรมชาติ และวิวทิวทัศน์อันสวยงามมากมาย สามารถเดินทางไปเที่ยวได้ในทุกฤดู เมืองหลวงแห่งนี้มีกิจกรรมให้นักท่องเที่ยวได้ทำอยู่มากมาย อีกทั้งยังมีสถานที่ในประวัติศาสตร์ให้ได้เรียนรู้อีกด้วย เช่น โบสถ์คริสต์ หรือ พิพิธภัณฑ์ต่างๆ

อ้างอิง

[1] palanla. (August 8, 2018). Reykjavik เมืองหลวงของ ประเทศไอซ์แลนด์. Retrieved from palanla

หัวใจสีเขียว

เพราะในทุกๆเวลา "มักจะมีคนเก่งกว่าเราอยู่เสมอ" การที่เราไม่หยุดพัฒนา ไม่หยุดเรียนรู้สิ่งใหม่ และคอยเสาะแสวงหาความรู้เข้ามาพัฒนาตัวเองอยู่ตลอด คือแบบอย่างที่ผู้เขียน นำมาใช้ในการดำเนินชีวิต ดั่งเช่น "น้ำที่ไม่เต็มแก้ว"

ผลงาน